เปลี่ยนตับผู้ใหญ่ ศิริราชเจ๋ง รายแรกในไทย (ไทยรัฐ)
หมอศิริราชแถลงความสำเร็จผ่าตัดปลูกถ่ายตับ จากผู้ใหญ่สู่ผู้ใหญ่เป็นรายแรกของเมืองไทย แพทย์ระบุการฟื้นตัวดีมาก เพราะตับทำงานได้ทันที ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน คาดใช้เวลา 17 วันกลับบ้านได้...
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมตึกอำนวยการ โรงพยาบาลศิริราช นพ.ธีรวัฒน์ กุลทนันทน์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล นพ.ศุภกร โรจนนินทร์ หัวหน้าภาควิชาศัยศาสตร์ นพ.ยงยุทธ ศิริวัฒนอักษร หัวหน้าทีมผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ นพ.สมชัย ลิ้มศรีจำเริญ อาจารย์ประจำภาควิชาศัลยศาสตร์ พร้อมด้วยนายศิริศักดิ์ ชีวาจร อายุ 56 ปี ผู้ป่วยหลังรับการปลูกถ่ายตับ และนายชนาธิป ชีวาจร อายุ 20 ปี บุตรชายผู้บริจาคตับ แถลงข่าว "ศิริราชเปลี่ยนตับผู้ใหญ่สู่ผู้ใหญ่สำเร็จเป็นแห่งแรกในประเทศไทย"
คณบดี คณะแพทยศาสตร์ศิริราช กล่าวว่า การผ่าตัดเปลี่ยนตับนั้นถือว่าเป็นการผ่าตัดใหญ่ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉลี่ยจะเสียค่าใช้จ่ายประมาณ 80,000 – 100,000 บาท ทั้งนี้การผ่าตัดเปลี่ยนตับจากผู้ใหญ่สู่ผู้ใหญ่ถือว่า เป็นความสำเร็จครั้งแรกของประเทศไทย
ด้าน นพ.ยงยุทธ กล่าวว่า การผ่าตัดเปลี่ยนตับเป็นการรักษาที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นวิธีที่ดีที่สุด อีกวิธีหนึ่ง ผู้ป่วยจะมีอัตราการอดชีวิตมากกว่าร้อยละ 85 ซึ่งผู้ป่วยที่ควรได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ คือ 1.ผู้ป่วยที่มีภาวะตับแข็งระยะสุดท้ายจากโรคไวรัสตับอักเสบบี, ซี และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 2.ผู้ป่วยที่มีภาวะตับวาย 3.ผู้ป่วยมะเร็งตับระยะเริ่มแรกที่ยังไม่มีการแพร่กระจาย
หัวหน้าทีมผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ มีการผ่าตัดเปลี่ยนตับ 2 วิธี คือ 1.การเปลี่ยนตับจากผู้บริจาคที่มีภาวะสมองตาย ผู้ป่วยรอเปลี่ยนตับจะต้องรอตับบริจาคโดยเฉลี่ยใช้เวลานานหลายเดือน ทำให้บางครั้งไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้ทัน
2.การเปลี่ยนตับจากผู้บริจาคที่มีชีวิตอยู่ สามารถเปลี่ยนตับจากผู้ใหญ่สู่เด็ก และจากผู้ใหญ่สู่ผู้ใหญ่ โดยกรณีของการเปลี่ยนตับผู้ใหญ่สู่ผู้ใหญ่ ยังไม่เคยมีการผ่าตัดสำเร็จในเมืองไทยมาก่อน และจะทำได้เฉพาะกรณีที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด เช่น บิดา มารดา บุตร พี่ น้อง หรือเป็นสามี ภรรยาไม่น้อยกว่า 3 ปี ผู้บริจาคต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป ร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรค
นพ.ยงยุทธ กล่าวอีกว่า สำหรับการผ่าตัดเปลี่ยนตับให้กับนายศิริศักดิ์นั้น ได้ดำเนินการผ่าตัดไปเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. โดยผ่าตัดนำกลีบขวาของตับนายชนาธิป ประมาณร้อยละ 60 ของเนื้อตับทั้งหมด และเลาะเส้นเลือดแดง เส้นเลือดดำ ท่อน้ำดีออก โดยไม่ให้เกิดอันตรายต่อตับกลีบซ้ายของนายชนาธิป อีกทั้งต้องเลาะเส้นเลือดดำใหญ่ที่รับเลือดจากตับเข้าสู่หัวใจออกมาด้วย ขณะเดียวกันหลังจากเลาะตับออกจากนายชนาธิปแล้ว ยังต้องเย็บเชื่อมต่อเส้นเลือดของทั้งนายชนาธิป และนายศิริศักดิ์ ซึ่งถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญมาก เพราะจะเกี่ยวกับความปลอดภัยของทั้ง คู่
หัวหน้าทีมผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ถึงการดูแลหลังจากการผ่าตัดว่า หลังจากเข้ารับการผ่าตัดแล้วพบว่าทั้งคู่มีสภาพการฟื้นตัวอยู่ในเกณฑ์ที่น่า พอใจ โดยเฉพาะการทำงานของตับใหม่สามารถทำงานได้ทันที ผู้ป่วยไม่เกิดภาวะแทรกซ้อน และทางแพทย์อนุญาตให้นายชนาธิป กลับบ้านได้หลังจากผ่าตัดแล้ว 7 วัน ส่วนนายศิริศักดิ์ จะอนุญาตให้กลับบ้านได้หลังจากผ่าตัด 17 วัน
ทั้ง นี้ตับถือเป็นอวัยวะที่งอกใหม่ได้ ดังนั้นในผู้ที่ตัดตับบริจาค ตับจะงอกขึ้นมาใหม่ภายในเวลาไม่เกิน 1 เดือน อย่างไรก็ตามผู้ป่วยที่รับการผ่าตัดเปลี่ยนตับ จะต้องกินยากดภูมิคุ้มกันไปตลอด
ส่วน นพ.ศุภกร กล่าวว่า แม้การผ่าตัดเปลี่ยนตับจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด แต่อัตราการบริจาคอวัยวะในประเทศไทยยังน้อยมาก เฉลี่ยประมาณ 100 รายต่อปีเท่านั้น ขณะที่ผู้ป่วยรอเปลี่ยนตับในประเทศไทยมีประมาณ 150-200 รายต่อปี และในจำนวนนี้ต้องเสียชีวิตในระหว่างรอตับสูงถึงร้อยละ 20
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
ที่มา
http://health.kapook.com/view8404.html
