ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา ขบวนการขนอาวุธสงคราม
สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เดลินิวส์, ไทยรัฐ
เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นาย นิคาอิล พีทูคู ชาวเบลารุส นายวิกเตอร์ อันดุลลายาส นายอเล็กซานดรา ไซเนส นายวิทานี ซุนดอส และนายอิวยาส อิสซาคอส ชาวคาซัสถาน ถูกควบคุมตัวมาคุมขังที่กองปราบปราม หลังถูกจับกุมได้พร้อมเครื่องบินแอร์เวส สัญชาติจอร์เจียร์ และอาวุธสงครามน้ำหนักประมาณ 35-40 ตัน ที่ขนมาจากกรุงเปียงยาง ประเทศเกาหลีเหนือ ปลายทางประเทศศรีลังกา ขณะจอดเติมน้ำมันที่ท่าอากาศยานดอนเมือง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่อง กระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย และความผิดตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะประสานล่ามชาวรัสเซียมาช่วยแปลในการสอบปากคำ ก่อนนำตัวไปขออำนาจศาลอาญา ถ.รัชดาฯ ฝากขังในวันจันทร์ โดยคัดค้านการประกันตัว และไม่ขอนำตัวกลับมาควบคุมต่อที่กองปราบปราม โดยจะส่งผู้ต้องหาทั้งหมดไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนอาวุธที่อายัดไว้ได้นำไปเก็บที่คลังสรรพาวุธ กองบิน 4 อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวกรณีการจับกุมเครื่องบินบรรทุกขีปนาวุธร้ายแรงที่ท่าอากาศยานดอนเมือง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ว่า ต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจสอบรายละเอียด เรื่องนี้ต้องระวังในการเสนอข่าว เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อนเกี่ยวพันกับกฎหมายทั้งในและนอกประเทศ รวมทั้งเกี่ยวพันกับหลายประเทศทั้งประเทศเจ้าของเครื่องบิน ประเทศที่นักบินถือสัญชาติอยู่ ประเทศที่เป็นผู้ขายและซื้อสินค้า ยืนยันว่า ประเทศไทยไม่มีเจตนาร้ายต่อประเทศใด หรือมีส่วนได้เสียในเรื่องนี้ เพียงแต่ต้องทำกฎหมายบ้านเมือง และจะทำทุกอย่างให้โปร่งใส สามารถอธิบายได้กับทุกประเทศที่เกี่ยวข้องในเรื่องอย่างตรงไปมา ขอยืนยันด้วยว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคงภายในประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวถามว่า ก่อนหน้าที่จะมีการจับกุม มีการประสานงานมาจากประเทศอื่น ๆ ในการจับกุมหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด ขอเวลาอีก 1-2 วันจะมีความชัดเจน เพื่อตรวจสอบว่า สินค้าจำนวน 35-40 ตัน มีอะไรบ้าง กี่ชนิด มาจากที่ใด ใครเป็นผู้ซื้อหรือขาย ส่วนที่ประชาชนมีความกังวลว่า มีการขนอาวุธร้ายแรงจำนวนมากเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างไร จะเปิดเผยให้ประชาชน และประเทศที่เกี่ยวข้องทราบ รวมถึงทีมสอบสวนเรื่องนี้จะใช้ทีมของคนไทยทั้งหมด และต้องรายงานให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รับทราบด้วย แต่ไม่ต้องกังวล ได้ติดตาม และดูแลอย่างดี การจับกุมครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค
ทั้ง นี้ การจับกุมเมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่บริเวณคลังสินค้า (คาร์โก้) สนามบินดอนเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม สำนักงานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ตำรวจสันติบาล และเจ้าหน้าที่ศุลกากร สน.ดอนเมือง ร่วมกันตรวจค้นเครื่องบินลำเลียงทางทหาร ไอแอล 76 ชนิด 4 เครื่องยนต์ หมายเลขข้างเครื่อง 4 แอล – เอดับเบิลยูเอ สัญชาติจอร์เจีย ปลายทางประเทศศรีลังกา ที่มาขอแวะพักเติมน้ำมันที่สนามบินดอนเมือง ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ สามารถยึดอาวุธสงคราม ประกอบด้วย ท่อ ส่งขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน 12 แพ็ก ๆ ละ 4 ท่อ 48 อัน หัวจรวดจำนวนมาก และเครื่องยิงจรวดอาร์พีจี 1 เครื่อง น้ำหนักอาวุธทั้งหมดรวม 35-40 ตัน จึงยึดไว้ตรวจสอบที่ บน.4 ตาคลี จ.นครสวรรค์ ส่วนผู้ต้องสงสัยชาวเบลารุสและคาซัคสถาน 5 คน ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาวุธดังกล่าว ถูกเจ้าหน้าที่นำตัวไปสอบปากคำที่กองปราบปราม
สำหรับการยึดอาวุธสงครามล็อตใหญ่ครั้งนี้ สืบเนื่องเมื่อช่วงเวลา 16.00 น.วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่เครื่องบินลำเลียงฯ ดังกล่าว ได้ขอแวะจอดที่สนามบินดอนเมืองเพื่อเติมน้ำมัน ต่อมาประเทศสหรัฐฯ ได้แจ้งมายังหน่วยข่าวความมั่นคงของไทยให้สกัดจับเครื่องบินลำดังกล่าวเอา ไว้ เพราะมีข้อมูลว่าได้ลักลอบขนอาวุธสงครามจากประเทศเกาหลีเหนือมาจำนวนมาก จากนั้นเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงทั้งหมดจึงนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น และจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้อง จากนั้นจึงมีการเข้าตรวจสอบเครื่องบินอย่างละเอียด สามารถยึดอาวุธสงคราม ที่คาดว่าจะนำไปจำหน่ายให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้จำนวนมากดังกล่าว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ที่มา
http://hilight.kapook.com/view/44451
